วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

ค่า PR และค่า Index ของเว็บที่มีค่าต่ำและสูงแตกต่างกัน


เว็บไซต์ที่มีค่า Pr สูงสุด เท่ากับ 4
และค่า Index เท่่ากับ 10,140

          เว็บสำเร็จรูป สำหรับท่านที่เปิดใช้บริการเว็บสำเร็จรูปกับ www.shopup.com จะมีฟังก์ชั่น ต่างๆ มากมายให้ท่านได้เลือกใช้ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆเพิ่มเติม และสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายสำหรับ User ทุกระดับ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในการทำเว็บแต่อย่างใด เพียงแค่คลิกเลือกฟังก์ชั่นที่ต้องการ ฟังก์ชั่น ดังกล่าวก็จะถูกติดตั้งลงในเว็บไซต์ของท่านพร้อมใช้งานโดยทันที ด้านล่างจะแสดงรายละเอียดของฟังก์ชั่นหลักเด่นๆที่เป็นที่นิยม 


เว็บไซต์ที่มีค่า Pr ต่ำสุด เท่ากับ 2
และค่า Index เท่่ากับ 7,310

เป็น บริษัท Waepa - SHop จัดส่งรองเท้าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ  ราคาค้าปลีกและมีโปรโมชั่นในการเลือกซื้อสินค้า แล้วอำนวยความสะดวกส่งสินค้าถึงบ้านท่าน ทุกที่ที่ท่านสั่งซื้อสินค้า โดย






วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

SO LO MO, ZMOT


1."SO LO MO" Social Media Location Mobile 


So Lo Mo หรือเรียกชื่อเต็มว่า Social Media Location Mobile   เป็นการประยุกต์ใช้ระบบการเชื่อมต่อสื่อสารไร้สายเคลื่อนที่มาใช้ในการสนทนาแบ่งปัน ความคิดเห็นข้อมูล เรื่องสินค้าและบริการผ่านทางระบบสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการระหว่างกันในการเลือกสินค้าและบริการ โดยผ่านทางระบบการสื่อสารเคลื่อนที่   ประสบการณ์ความรู้สึกที่มีต่อสินค้า แบรนด์สินค้า หรือบริการนั้นๆ ผ่านทางการสนทนาข้อความบนโลกสังคมออนไลน์
ซึ่งคำจำกัดความหมายของ So Lo Mo หรือ Social Media Location Mobile นั้นสามารถแบ่งแยกออกได้เป็น 3 ส่วน ซึ่งสามารถทำให้เราสามารถมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเป็นอย่างไร 


SO ย่อมาจากคำว่า SOCIAL 
คือ สังคม แต่คือสังคมออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมก็คือ FACEBOOK , TWITTER ตลอดจนอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีคนใช้งานทั่วโลกตลอดจน GOOGLEที่มีบทบาทในการค้นหาข้อมูลที่มีคนใช้กันมากที่สุด 


LO ย่อมาจากคำว่า LOCATION 
คือ สถานที่ ในที่นี้คือ GOOGLE MAP ซึ่งหลายเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ บริษัท หรือเว็บไซต์ส่วนตัวได้มีการใช้งาน GOOGLE MAP เข้ามาบอกสถานที่ตั้งต่างๆ โดยการใช้หมุดปักบอกตำแหน่งที่ตั้ง เพื่อให้ผู้บริโภคนั้นรู้ตำแหน่งสถานที่ตั้งอันเป็นประโยชน์ทางธุรกิจและข้อมูลแก่ผู้บริโภคที่สนใจ 


MO ย่อมาจากคำว่า MOBILE 
ซึ่งอาจไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถือธรรมดา แต่เป็น SMARTPHONE , IPHONE , TABLET ต่าง ๆ ที่ได้ถูกพัฒนา APPLICATION บนมือถือเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดออนไลน์ในอนาคต โดยผู้ใช้จะอัพเดทสถานะหรือแม้แต่พูดคุยกับเพื่อนออนไลน์ ผ่านระบบสังคมออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา 

     

จะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตบนโลกอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้นทุกวันทั้งจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกและจำนวนผู้ที่เข้ามาใช้ Application ต่าง ๆ ผู้บริโภคมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้มากขึ้น เพราะผู้ประกอบการรวมถึงเจ้าของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ จะต้องพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อให้ผู้บริโภคได้เห็นหน้าเว็บไซต์ของตัวเองปรากฏอยู่ในมือของผู้บริโภคให้มากที่สุด และยิ่งมากเท่าไหร่โอกาสที่จะได้เขามาเป็นลูกค้าของเราก็มากขึ้นเท่านั้น

2. ZMOT

ZMOT หรือ Zero Moment of Truth คือ การที่ลูกค้าได้รู้จักและมีความสนใจในสินค้าก่อนที่จะเช้าไปดูสินค้าในร้านค้าจริงๆ ซึ่งลูกค้าอาจรู้ได้จากการเข้าชมเว็บไซต์ และ Social Media ต่างๆ หรือแม้กระทั่งการสแกน Barcode จากโทรศัพท์แล้วเปิดอ่าน ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิด ZMOT คือ การเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือที่ใช้เชื่อมต่ออย่างสมาร์ทโฟน ที่มีการพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้น ตลอดจนการเจริญเติบโตของเทคโนโลยีการสื่อสารที่รวดเร็วมากขึ้น ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าชมสินค้า รู้สถานที่ตั้ง แหล่งจำหน่าย 


1. สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร, 2. ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ นักศึกษาคิดว่าควรจะต้องประกอบด้วยปัจจัยใดบ้าง



1. สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

การ ทำอีคอมเมิร์ชนั้น คงไม่ใช่แค่เพียงการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา แล้วใครต่อใครก็ต่ออินเทอร์เน็ตเข้าไปดูกันได้เท่านั้น เพราะหากว่าไปแล้ว เว็บไซต์ก็เหมือน "ภาพพจน์" หนึ่งของบริษัท หากท่านอยากทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จ ควรคำนึงถึงอุปสรรคเหล่านี้ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญวัดชะตาว่าเว็บของท่านจะ รุ่งหรือร่วง

1. การนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ หลายเว็บไซต์ยังขาดทักษะเรื่องของภาษา การนำเสนอขายสินค้า
บางครั้งแค่ใส่ขนาดกับราคาเพียงเท่านั้น ขาดรายละเอียดทั้งในเรื่องของวัสดุ การใช้งาน และข้อมูลต่างๆ
ที่ ลูกค้าต้องการเพิ่ม ที่สำคัญ นโยบายรับคืนสินค้า หลายเว็บไซต์มักเกรงปัญหาของคืน จึงไม่ได้ใส่เงื่อนไขสำคัญนี้ในเว็บของตน หรือบางเว็บไซต์ก็ใส่ข้อมูลที่เยอะมากเกินไป กว่าลูกค้าจะคลิกเข้าไปซื้อของได้ก็เสียเวลาเปิดเข้าไปในแต่ละหน้านานมาก

2. ขาดบุคคลากรที่มีความรู้ การนำเสนอข้อมูลที่ขาดรายละเอียดนั้น บางครั้งมีลูกค้าอีเมล์มาสอบถามเพิ่มเติม แต่บางเว็บไซต์ไม่ได้ตั้งบุคคลากรเพื่อดูแลปัญหานี้ หรือขาดความรู้ในการเข้าถึงเทคโนโลยี
มีผู้ประกอบการหลายราย เปิดเว็บไซต์แล้ว ไม่ได้ตรวจอีเมล์ หรือตอบช้าเกินไป

3. ขาดการวางแผนตลาดรองรับ การมีเว็บไซต์เป็นเสมือนการเปิดร้านแห่งหนึ่งขึ้นบนโลกไซเบอร์ ซึ่งวันหนึ่งๆ มีเว็บเกิดขึ้นเป็นหมื่น หากไม่มีการวางแผนประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายรู้จัก ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ หลายเว็บเกิดขึ้นมาแบบขาดการวางแผน เห็นธุรกิจอื่นมีเว็บกัน ก็แค่อยากมีกับเขาบ้าง

4. ขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง มีหลายเว็บที่เปิดขึ้นมาแล้ว ขาดการดูแล ผู้ซื้อเข้ามากี่เดือนก็พบรูปแบบเหมือนเดิม ซ้ำโปรโมชั่นเก่าที่เอามาลดราคาก็หมดเขตไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้เว็บขาดความเชื่อถือ
ดังนั้น เมื่อเปิดเว็บแล้ว ต้องติดตาม ตรวจสอบสถิติ และพัฒนาเว็บไซต์ของตนให้ทันสมัยอยู่เสมอ
5. หลงเทคโนโลยี การสร้างเว็บไซต์ บางครั้งผู้ประกอบการมักหลงใหลกับความงามของกราฟฟิก ใส่ภาพเคลื่อนไหว เสียงประกอบต่างๆ เข้าไป เพื่อหวังจะเรียกร้องความสนใจของผู้เข้าชม โดยลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้ต้องทำให้ผู้ซื้อสินค้าเสียเวลาโหลดนานมากกว่าที่จะ ได้ดูสินค้าแต่ละหน้า

6. ไม่กำหนดตลาด การที่อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลก ทำให้ผู้ค้าบางรายหวังขายสินค้าไปทั่วโลก ทั้งที่ในโลกการค้า ลักษณะการใช้ภาษาก็ดี, รูปแบบ, ราคาของสินค้าก็ดี ล้วนมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้น เมื่อได้ข้อมูลความต้องการของลูกค้าที่ชัดเจนแล้ว ควรมุ่งเน้นไปยังตลาดกลุ่มเป้าหมาย ดีกว่าการทำตลาดแบบเหวี่ยงแห ซึ่งนอกจากเสียเวลาแล้ว ยังอาจเสียลูกค้าโดยไม่รู้ตัว เช่น หากจะขายเครื่องประดับราคาสูงแล้ว ก็ต้องไม่มีการขายตุ้มหู คู่ละ เหรียญอยู่ในเว็บ เป็นต้น

7. การออกแบบ การออกแบบเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ควรออกแบบให้ผู้ใช้ เข้าใจได้ง่าย โดยไม่ต้องมีคู่มือประกอบ สามารถค้นหาสินค้าได้สะดวก และชำระเงินได้โดยง่าย บางเว็บไซต์ ผู้ซื้อต้องกรอกข้อมูลมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย และรู้สึกว่าใช้งานลำบาก
2. ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ นักศึกษาคิดว่าควรจะต้องประกอบด้วยปัจจัยใดบ้าง

ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซของ Thaigem.com ( 
www.thaigem.com )นั้นมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาได้ง่าย หากแต่มาจากการริเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป และการเข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้าอย่างแท้จริง ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการสั่งซื้อ การรักษาความปลอดภัย คุณภาพและการรับประกันในตัวของสินค้าและระบบการชำระเงินที่เชื่อถือได้ เมื่อมีโอกาสไปบรรยายหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ E-Commerce ครั้งใดก็ตาม ดิฉันเลยยกตัวอย่างความสำเร็จของเว็บไซต์ที่ชื่อว่า Thaigem.com ที่เป็นเช่นนี้เพราะเว็บไซต์ดังกล่าวนอกจากจะเป็นเว็บไซต์สัญชาติไทยที่ติดอันดับการขายหลายร้อยล้านแล้ว ยังเป็นเว็บไซต์ที่ขายสินค้าที่ถือได้ว่ามีอุปสรรคมากในการขายผ่านออนไลน์ นั่นคือสินค้าในหมวดของอัญมณีนั่นเอง วันนี้เลยขออนุญาตนำมาเป็นประเด็นอีกครั้งเพื่อให้ผู้ที่สนใจในเรื่องของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบอีคอมเมิร์ซได้มีโอกาสศึกษา และพิจารณาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับสินค้าของตนเอง โดยปกติแล้วสินค้ากลุ่มที่มีการนำมาขายบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของหนังสือ เพลง ภาพยนตร์ และเสื้อผ้า หากจะขายเพชรหรือพลอยในลักษณะออนไลน์แล้วแทบจะมองหาความสำเร็จได้ยากมาก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในการวิจัยสินค้าหมวดหมู่ที่ขายได้บนอินเทอร์เน็ตนั้นพอที่จะสรุปได้ว่าควรจะเป็นสินค้าที่มีลักษณะดังนี้คือ ผู้ใช้มีความคุ้นเคย, มีการพบเห็นหรือจับต้องสินค้าในร้านค้าปกติหรือมีประสบการณ์มาก่อน (เช่นได้ยินได้ชมตัวอย่าง), หรือเป็นสินค้าที่อยู่ในรูปแบบของดิจิตอล และทั้งหมดนี้ไม่ใช่สินค้าที่มีราคาสูง เมื่อหันมาพิจารณาดูสินค้าที่วางจำหน่ายบนเว็บไซต์ของ Thaigem.com แล้ว อาจกล่าวได้ว่ามีลักษณะตรงข้ามกับที่กล่าวมาแล้วทั้งสิ้น การซื้อขายอัญมณีในเวลาปกติก็มีความลำบากอยู่แล้วเนื่องจากมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่ซ้ำกันในแต่ละรายการ การที่สามารถไปสู่ความสำเร็จในระดับโลกได้จึงถือได้ว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาและน่าที่จะเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับผู้ประกอบการายอื่นๆอีกด้วย
เมื่อพิจารณาในด้านของการออกแบบเว็บไซต์, การวางระบบงานด้านการตลาดและ back office นั้น แทบจะกล่าวได้ว่าเข้าถึงความรู้สึกและความกังวลของลูกค้าที่จะเข้ามาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้เป็นอย่างดี จนกลุ่มเป้าหมายแทบจะหาเหตุผลในการไม่ทดลองสั่งซื้อไม่ได้เลย ในเว็บไซต์ได้ตอบสนองต่อความกังวลของลูกค้าทุกอย่าง และสร้างระบบที่ตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างดีเยี่ยมดังนี้

1. นโยบายการคืนสินค้า (Return Policy) ถึงแม้ว่าจะมีรายละเอียดของสินค้าปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ก็ตามแต่สินค้าจำพวกอัญมณีเหล่านี้มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณา และจับต้อง Thaigem.com ยินยอมให้ลูกค้าคืนสินค้าอย่างไม่มีเงื่อนไขได้ภายใน 30 วัน

2. การรับประกันสินค้า (Gemological Authenticity Certificate) เพื่อความมั่นใจในตัวสินค้า Thaigem.com ได้มีการออกใบรับรองสำหรับสินค้าที่ซื้อบนเว็บไซต์นี้
3. เปิดโอกาสให้ลูกค้ากำหนดราคาซื้อที่พอใจ (Make an Offer) ความจริงแล้วนี่คือรูปแบบของ Auction นั่นเอง การเปิดโอกาสให้ลูกค้าค้นหารายการสินค้าและกำหนดราคาซื้อเป็นนโยบายการตลาดที่ยอดเยี่ยม ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นกันเอง คล้ายกับการซื้อขายปกติที่มีการโต้ตอบ และการหลีกเลี่ยงคำว่า “Auction” สร้างความรู้สึกที่ดีกว่าให้กับลูกค้าอีกด้วย

4. การจัดส่ง (Delivery) เพื่อความมั่นใจ เว็บไซต์แห่งนี้เลือกใช้บริการของ Fedex ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในมาตรฐานการให้บริการในระดับโลก และเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะของรายการสินค้าที่สั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์อีกด้วย

5. นโยบายการชำระเงิน (Payment System) เพื่อความสะดวก ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่มีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูง (SSL - Secure Socket Layer) หรือผ่านตัวกลางที่เป็น Third Party อาทิเช่น Escrow.com หรือ PayPal เป็นต้น

6. นโยบายด้านความเป็นส่วนตัว (Privacy) มีการระบุชัดในเรื่องของมาตรฐานของความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าเช่นเดียวกับเว็บไซต์มาตรฐานทั่วไป จะเห็นได้ว่าความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซนั้นมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาได้ง่าย หากแต่มาจากการริเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป และการเข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้าอย่างแท้จริง ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการสั่งซื้อ การรักษาความปลอดภัย คุณภาพและการรับประกันในตัวของสินค้าและระบบการชำระเงินที่เชื่อถือได้

มาถึงจุดนี้ เราคงได้คำตอบว่าเหตุใดเว็บไซต์ส่วนใหญ่ของไทยจึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก หรือหากประสบความสำเร็จก็เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการขายในประเทศเท่านั้น ไม่สามารถผลักดันให้เกิดการขายในระดับโลกได้เช่นที่เกิดขึ้นกับ Thaigem.com ถึงเวลาหรือยังที่เว็บไซต์สัญชาติไทยจะมีโอกาสในการสร้างการขายในระดับโลก ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นความสำเร็จของเจ้าของเว็บไซต์เองแล้ว ยังเป็นการนำเงินตราเข้าสู่ประเทศอีกด้วย

สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง Online Business with Google

Online Business with Google


การแบ่งปัน ประสบการณ์ระหว่างการซื้อขายและให้บริการต่างๆ ซื่งจะมีการพัฒนาอยู่เสมอ จุดก่อนกำเนิดของกระบวนการคิดและกระบวนการซื้อสินค้าFirst Moment of Truth การเริ่มต้นของความสนใจและการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือที่ใช้เชื่อมต่ออย่างสมาร์ทโฟน

คำศัพท์น่ารู้
1.First  Moment of Truth คือ เมื่อเข้าไปในสโตร์ แล้วสามารถเห็นสินค้าทันที
2.Second  Moment of Truth คือ การที่เราใช้สินค้า แล้วรู้สึกว่าสินค้านี้ตอบโจทย์ ตอบความคาดหวังต่างๆ
3.SoLoMo เป็นกลยุทธ์หนึ่งของการตลาดที่วิเคราะห์ากพฤติกรรมของผู้บริโภครูปแบบใหม่ ย่อมาจาก Social Location และ Mobile
4.ZMOT หรือ Zero Moment of Truth คือการที่ลูกค้าทำความรู้จักกับตัวสินค้าก่อนหน้าที่จะไปถึงร้านค้าจริงอย่างการเริ่มค้นหาข้อมูลสินค้าที่ตัวเองสนใจ แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิด ZMOT คือการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือที่ใช้เชื่อมต่ออย่างสมาร์ทโฟน
5.Google  friendly คือ นำเสนอหน้าเว็บแรกให้มีคุณภาพสูง หากหน้าเว็บของมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต่อผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้า จะช่วยดึงดูดผู้เข้าชมจำนวนมาก และดึงดูดเว็บมาสเตอร์เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของเรา
6.Page  Rank คืออัลกอริทึมที่ใช้การวิเคราะห์เว็บลิงก์ตามทฤษฎีเครือข่ายที่ใช้เป็นพื้นฐานในตัวเสิร์ชเอนจินของกูเกิล โดยเพจแรงก์จะแสดงเป็นค่าตัวเลขบ่งบอกถึงความความสำคัญของข้อมูลในกลุ่มของชุดข้อมูล ตัวเลขของเพจแรงก์ของกูเกิลในปัจจุบันจะมีค่าระหว่าง 0 ถึง 10
7.Natural  Result ผลเสิร์ชโดยปกติ
8.malware (ย่อมาจาก "malicious software")ซึ่งจัดเป็นคำนามรวมหมายถึง ไวรัส หนอนอินเตอร์เน็ต
9.Google  AdWords คือ โฆษณาในรูปแบบ pay per click
10.Keyword คือ คำที่เราเน้นเป็นพิเศษ อาจจะเน้นคำเหล่านั้นด้วย การใช้ลิงค์ Link Tag, การใช้ตัวหนา Strong Tag, การใช้ตัวเอียง Italic Tag, การขีดเส้นใต้ Underline Tag เป็นต้น
11.Google  plus hangouts คือการสนทนาผ่านกล้อง
12.ZMOD ย่อมาจาก Zero Moment of Truth จุดก่อนกำเนิดของกระบวนการคิดและกระบวนการซื้อสินค้า
13.Google  AdWords คือ โฆษณาในรูปแบบ pay per click ข้อดี คือ เสียค่าใช้จ่ายตามจริง เมื่อผู้ใช้บริการค้นหาข้อมูลคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น และโฆษณาจะปรากฏให้ผู้ชมเห็นตามคีย์เวิร์ด (Keyword) หรือ กลุ่มคำที่คุณเลือกไว้ซึ่งเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
14.Webmaster คือบุคคลผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการออกแบบ การพัฒนา การดูแลการตลาด และการบำรุงรักษาเว็บไซต์โดยเฉพาะบนเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ เว็บมาสเตอร์สามารถปรับเปลี่ยนหรือจัดการความคิดเห็นของผู้ใช้คนอื่นๆ ได้ เว็บมาสเตอร์อาจเรียกเป็นอย่างอื่นได้เช่น ผู้ดูแลเว็บไซต์ ผู้สร้างเว็บ ผู้พัฒนาเว็บ หรือผู้ออกแบบเว็บ เป็นต้น
15.seo ย่อมาจากคำว่า search engine optimizationเป็นเทคนิคการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับใน Search Engine การทำงานของ Search Engine นั้นจะทำงานก็ต่อเมื่อมีคนป้อนคำหรือที่เรียกว่า keyword ลงไปใน Search Engine นั้นๆ จากนั้น Search Engine ก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา การใช้ Search Engine ที่ดีนั้นคือการค้นหาข้อมูลที่ตรงและถูกต้องตามที่เราต้องการ
16.Google  Plus คือ social network หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ รูปแบบใหม่ซึ่งเป็นของ Google ที่เปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งของ Facebook
17.Google  Hangout คือ การสนทนาเป็นกลุ่ม คือเราสามารถเผยแพร่ภาพ Hangouts แบบ Public สดๆให้คนทั่วโลกได้เห็น และสามารถบันทึกภาพได้เก็บไว้ใน youtube ได้
18.Google  Analytics จะแสดงให้คุณทราบว่าผู้เข้าชมพบเว็บไซต์ของคุณอย่างไร และใช้งานเว็บไซต์ของคุณอย่างไร ตลอดจนวิธีที่คุณสามารถปรับปรุงประสบการณ์ในการใช้งานของผู้เข้าชม คุณสามารถปรับปรุงผลตอบแทนจากการลงทุนของเว็บไซต์ของคุณ เพิ่ม Conversion และสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นทางเว็บ โดยใช้ข้อมูลนี้ คู่มือนี้สามารถช่วยทำให้คุณทำความคุ้นเคยกับคุณลักษณะหลักของ Google Analytics ในการเริ่มใช้งาน Analytics ให้ ลงชื่อเข้าใช้ ด้วยบัญชีผู้ใช้ Google ของคุณ
19.Be found – when customer is searching คือ การถูกค้นพบ การถูกค้นหาจาโลกอินเตอร์เน็ต โดยทั่วไป google จะนับค่า Page rang แล้วให้คะแนนแก่เว็บเรา
20.Go Global (AEC) คือการค้นหาที่สามารถค้นหาได้ทั่วโลกคือ google โดยจะใช้ Google Translate ในการช่วยแปลภาษา

การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0


องค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง   การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0





การทำการตลาดในปัจจุบัน จะมุ่งเน้นการใช้ Social Media เข้ามาช่วย ทั้ง  Twitter,Facebook,Sanook  และ Social Media อื่นๆ เพื่อช่วยให้เว็บเป็นที่รู้จักมากขึ้น การทำ Social Media ก็จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย  ๆ เพื่อให้ทันกับความก้าวล้ำของผู้บริโภคที่ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร
ผู้ประกอบการค้าก็ต้องพัฒนาเว็บให้มีความน่าสนใจ ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และสามารถตอบสนองความต้องการข่าวสารของลูกค้าได้ถูกต้อง และมีการบริการที่ดีให้กับลูกค้า การทำเว็บให้เป็นที่สนใจมีวิธีการมากมายแล้วแต่ผุ้ประกอบการจะเลือกใช้ และต้องคำนึงถึงวิธีที่จะทำให้ลูกค้าใช้ของเรายิ่งขึ้น

คำศัพท์น่ารู้

1.  Social  Media จึงหมายถึงสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือเขียนเล่า เนื้อหา เรื่องราว ประสบการณ์ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง ทำขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนำมาแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่อยู่ในเครือข่ายของตน ผ่านทางเว็บไซต์ Social Network ที่ให้บริการบนโลกออนไลน์ ปัจจุบัน การสื่อสารแบบนี้ จะทำผ่านทาง Internet และโทรศัพท์มือถือเท่านั้น

2.  Banner  ป้ายโฆษณาสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่สามารถนำไปแสดงผ่านหน้าเว็บไซต์ โดยภายในจะมีเนื้อหา รูปภาพแสดงสินค้าหรือบริการอยู่ และ อาจจะเพิ่มสีสันด้วยการกระพริบ-เคลื่อนไหวของป้ายแบนเนอร์ เพื่อให้ผู้ใช้ internet ที่เข้ามาเห็น เกิดความสนใจที่จะคลิกเข้าไปดูเนื้อหานั้นๆ อาจจะเป็นความสนใจในเนื้อหาของ banner หรือ web site หรือ สินค้าที่ขาย หรือ สนใจในบริการที่มีให้อะไรก็แล้วแต่ แล้วก็กดที่ภาพ "Banner"นั้น เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

3.  Software Park  เขตอุตสาหกรรมซอฟแวร์ เปรียบเหมือนนิคมอุตสาหกรรม ถ้าต้องการจะสร้างโรงงาน การไปสร้างในนิคมอุตสาหกรรมก็จะง่ายกว่า เพราะมีพื้นที่ที่เขาเตรียมไว้แล้ว มีสาธารณูปโภคต่างๆให้เรียบร้อย เป็นตึกที่เตรียมสาธารณูปโภคต่างๆ ไว้เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก เช่น พื้นที่ออฟฟิส ห้องประชุม ห้องสัมมนา การให้คำปรึกษาต่างๆ ฯลฯ

4.  Buzz  Marketing  การสร้างสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จัและเกิดความต้องการในลักษณะของการบอกต่อแบบปากต่อปากซึ่งถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์การสื่อสารที่มีพลังขับเคลื่อนสูงมากต่อการสร้างความเชื่อถือและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อ

5.  Community  Marketing  การจัดตั้งกลุ่มของลูกค้าที่เข้ามาเป็นตัวแทนของลูกค้าทั้งหมด และให้เข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆ กับกิจการ จนกระทั่งในที่สุดกลุ่มนี้จะกลายเป็นลูกค้าระดับเกรดเอที่การซื้อสินค้าบริการกับลูกค้า ติดหนึบไม่ไปไหน รวมถึงเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความสนใจในสินค้าและบริการของกิจการกับกลุ่มคนอื่นๆ ทั่วไปทีเกี่ยวข้องได้อีกด้วย นับเป็นอีกเทคนิคหนึ่งในการขยายขอบเขตทางการตลาดที่แยบยล

6.  Cause  Marketing  การตลาดเพื่อการกุศล การเชื่อมธุรกิจของคุณเข้ากับองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร (NGO) หรือองค์กรการกุศลต่างๆ ซึ่ง เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจ และมอบสิ่งดีๆกลับคืนสู่สังคมไปด้วยพร้อมๆกัน

7.  Influencer  Marketing   ผู้ทรงอิทธิพล การชักจูง โน้มน้าว จูงใจ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ให้มาสนใจในตัวสินค้าต่างๆ หรือต้องการสร้างกระแสให้มีการพูดถึงและบอกต่อเกี่ยวกับตัวสินค้าออกไปในวงกว้าง

8.  Grassroots  Marketing  การตลาดที่มุ่งสร้างให้ลูกค้าเกิดการบอกปากต่อปาก โดยการเข้าถึงระดับรากหญ้าซึ่งเป็นระดับท้องถิ่น

9.  Evangelist  Marketing  การที่นักการตลาดต้องพยายามเฟ้นหาลูกค้าที่มีระดับความพึง
พอใจในตราสินค้าในระดับสูงมาก มากเสียจนเกิดความหลงใหล เลื่อมใสและศรัทธาจนมุ่งมั่นที่จะพยายามชักจูงให้
คนอื่นๆ เข้าร่วมอุดมการณ์หรือซื้อสินค้าและกลายเป็นสาวก ดังนั้นดารา นักร้องที่มีชื่อเสียงหรือบุคคลต่างๆ ที่หมุนเวียนผลัดกันขึ้นปราศรัยบนเวทีก็คือ Evangelist ที่เป็นกลุ่มคนที่มีความพอใจและความศรัทธาในสิ่งที่ตนเองยึดถือและต้องการชักจูงให้คนอื่นคล้อยตามเป็นจำนวนมากขึ้น

10.  Viral  Marketing   การตลาดแบบไวรัส เทคนิคการทำการตลาดที่ใช้สื่อ Social Networks ที่มีอยู่แล้ว เช่น facebook, hi5, และอีกมากมายนับไม่ถ้วน ในการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น หรือ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดด้านอื่นด้วย

11.  Referral  Program   การแนะนำลูกค้า หรือช่างภาพ ให้เข้ามาเป็นสมาชิกกับเว็บ โดยนำลิงค์ที่แนะนำ ไปแปะไว้ยังที่ต่างๆ โดยหลังลิงค์จะมีคำว่า ?src= ตามด้วยชื่อของเว็บ เมื่อมีคนคลิกที่ลิงค์ ทางเว็บก็จะเข้าใจว่า คลิกมาจากลิงค์ที่เราไปแปะไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อมีรายการซื้อ จากผู้คลิก หรือ มีสมาชิกสมัครเป็นช่างภาพ เราก็จะได้เปอร์เซ็นต์ จากการซื้อขายนั้นๆ โดยรายได้ที่ได้ต่างหากจากการซื้อขายปกติ ผู้ซื้อผู้ขายไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มเติม

12.   Owned  Media   เป็น สื่อที่ผู้ประกอบการเองเป็นเจ้าของ ได้แก่ เว็บไซต์ บล็อก ซึ่งเป็นสื่อที่สร้างขึ้นมาเอง 

13.  Paid  Media   เป็นสื่อที่เราต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อ เช่น แบรนดเนอ สปอนเซอร์ ชิฟ 

14.  Earned  Media   เป็นสื่อที่ลูกค้า ผู้บริโภคทั่วไปเป็นเจ้าของ เช่น เฟชบุ๊ค ทวิชเตอร์ เป็นการแบ่งปันข้อมูลพูดคุยระหว่างกัน 
15.  service marketing   การตลาดบริการ การสนองตอบความต้องการของลูกค้า มักจะคำนึงถึงการบริการควบคู่ไปกับการขาย สินค้าบริการเป็นการกระทำที่เป็นขั้นตอนและแสดงเป็นผลงานออกมาจากผู้ให้บริการส่งให้กับลูกค้า หรือสินค้าบริการเป็นการแลกเปลี่ยนกัน

16.  Strategy Development   เป็นการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในองค์กรด้วยเครื่องต่าง ๆที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับการกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์

17.  Awareness   องค์ความรู้ และทัศนคติของสมาชิกทุกคนในองค์กรที่พึงมี เกี่ยวกับการป้องกันรักษาทรัพย์สินของบริษัทฯทั้งทางด้านกายภาพ
18.  Transparency – Open source   ปัจจุบันเป็นยุคที่ทุกอย่างเปิดกว้าง ความโปร่งใส จริงใจนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมมั่น เรื่องการให้เครดิตต่างๆ ของผู้มีส่วนช่วยก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแบรนสินค้าใหม่

19.  Collaboration Rules   การอาศัยความร่วมมือของผู้บริโภค 

20.  People use technologies to get thing that they need from each, other rather from corporations
ผู้บริโภคจะอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ ในการแสวงหาข้อมูล สินค้า เพื่อตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งเขาจะข้อมูลจากการพูดเล่าของผู้บริโภคด้วยกันก่อนเสมอ ผู้บริโภคจะไม่เชื่อจากผู้ผลิตทั้งหมดก่อน เขาจะมองเห็นเป็นการโฆษณา ซึ่งเขาจะเชื่อจากผู้บริโภคที่คุยบอกกันเองมากกว่า