วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0


องค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง   การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0





การทำการตลาดในปัจจุบัน จะมุ่งเน้นการใช้ Social Media เข้ามาช่วย ทั้ง  Twitter,Facebook,Sanook  และ Social Media อื่นๆ เพื่อช่วยให้เว็บเป็นที่รู้จักมากขึ้น การทำ Social Media ก็จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย  ๆ เพื่อให้ทันกับความก้าวล้ำของผู้บริโภคที่ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร
ผู้ประกอบการค้าก็ต้องพัฒนาเว็บให้มีความน่าสนใจ ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และสามารถตอบสนองความต้องการข่าวสารของลูกค้าได้ถูกต้อง และมีการบริการที่ดีให้กับลูกค้า การทำเว็บให้เป็นที่สนใจมีวิธีการมากมายแล้วแต่ผุ้ประกอบการจะเลือกใช้ และต้องคำนึงถึงวิธีที่จะทำให้ลูกค้าใช้ของเรายิ่งขึ้น

คำศัพท์น่ารู้

1.  Social  Media จึงหมายถึงสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือเขียนเล่า เนื้อหา เรื่องราว ประสบการณ์ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง ทำขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนำมาแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่อยู่ในเครือข่ายของตน ผ่านทางเว็บไซต์ Social Network ที่ให้บริการบนโลกออนไลน์ ปัจจุบัน การสื่อสารแบบนี้ จะทำผ่านทาง Internet และโทรศัพท์มือถือเท่านั้น

2.  Banner  ป้ายโฆษณาสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่สามารถนำไปแสดงผ่านหน้าเว็บไซต์ โดยภายในจะมีเนื้อหา รูปภาพแสดงสินค้าหรือบริการอยู่ และ อาจจะเพิ่มสีสันด้วยการกระพริบ-เคลื่อนไหวของป้ายแบนเนอร์ เพื่อให้ผู้ใช้ internet ที่เข้ามาเห็น เกิดความสนใจที่จะคลิกเข้าไปดูเนื้อหานั้นๆ อาจจะเป็นความสนใจในเนื้อหาของ banner หรือ web site หรือ สินค้าที่ขาย หรือ สนใจในบริการที่มีให้อะไรก็แล้วแต่ แล้วก็กดที่ภาพ "Banner"นั้น เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

3.  Software Park  เขตอุตสาหกรรมซอฟแวร์ เปรียบเหมือนนิคมอุตสาหกรรม ถ้าต้องการจะสร้างโรงงาน การไปสร้างในนิคมอุตสาหกรรมก็จะง่ายกว่า เพราะมีพื้นที่ที่เขาเตรียมไว้แล้ว มีสาธารณูปโภคต่างๆให้เรียบร้อย เป็นตึกที่เตรียมสาธารณูปโภคต่างๆ ไว้เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก เช่น พื้นที่ออฟฟิส ห้องประชุม ห้องสัมมนา การให้คำปรึกษาต่างๆ ฯลฯ

4.  Buzz  Marketing  การสร้างสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จัและเกิดความต้องการในลักษณะของการบอกต่อแบบปากต่อปากซึ่งถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์การสื่อสารที่มีพลังขับเคลื่อนสูงมากต่อการสร้างความเชื่อถือและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อ

5.  Community  Marketing  การจัดตั้งกลุ่มของลูกค้าที่เข้ามาเป็นตัวแทนของลูกค้าทั้งหมด และให้เข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆ กับกิจการ จนกระทั่งในที่สุดกลุ่มนี้จะกลายเป็นลูกค้าระดับเกรดเอที่การซื้อสินค้าบริการกับลูกค้า ติดหนึบไม่ไปไหน รวมถึงเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความสนใจในสินค้าและบริการของกิจการกับกลุ่มคนอื่นๆ ทั่วไปทีเกี่ยวข้องได้อีกด้วย นับเป็นอีกเทคนิคหนึ่งในการขยายขอบเขตทางการตลาดที่แยบยล

6.  Cause  Marketing  การตลาดเพื่อการกุศล การเชื่อมธุรกิจของคุณเข้ากับองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร (NGO) หรือองค์กรการกุศลต่างๆ ซึ่ง เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจ และมอบสิ่งดีๆกลับคืนสู่สังคมไปด้วยพร้อมๆกัน

7.  Influencer  Marketing   ผู้ทรงอิทธิพล การชักจูง โน้มน้าว จูงใจ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ให้มาสนใจในตัวสินค้าต่างๆ หรือต้องการสร้างกระแสให้มีการพูดถึงและบอกต่อเกี่ยวกับตัวสินค้าออกไปในวงกว้าง

8.  Grassroots  Marketing  การตลาดที่มุ่งสร้างให้ลูกค้าเกิดการบอกปากต่อปาก โดยการเข้าถึงระดับรากหญ้าซึ่งเป็นระดับท้องถิ่น

9.  Evangelist  Marketing  การที่นักการตลาดต้องพยายามเฟ้นหาลูกค้าที่มีระดับความพึง
พอใจในตราสินค้าในระดับสูงมาก มากเสียจนเกิดความหลงใหล เลื่อมใสและศรัทธาจนมุ่งมั่นที่จะพยายามชักจูงให้
คนอื่นๆ เข้าร่วมอุดมการณ์หรือซื้อสินค้าและกลายเป็นสาวก ดังนั้นดารา นักร้องที่มีชื่อเสียงหรือบุคคลต่างๆ ที่หมุนเวียนผลัดกันขึ้นปราศรัยบนเวทีก็คือ Evangelist ที่เป็นกลุ่มคนที่มีความพอใจและความศรัทธาในสิ่งที่ตนเองยึดถือและต้องการชักจูงให้คนอื่นคล้อยตามเป็นจำนวนมากขึ้น

10.  Viral  Marketing   การตลาดแบบไวรัส เทคนิคการทำการตลาดที่ใช้สื่อ Social Networks ที่มีอยู่แล้ว เช่น facebook, hi5, และอีกมากมายนับไม่ถ้วน ในการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น หรือ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดด้านอื่นด้วย

11.  Referral  Program   การแนะนำลูกค้า หรือช่างภาพ ให้เข้ามาเป็นสมาชิกกับเว็บ โดยนำลิงค์ที่แนะนำ ไปแปะไว้ยังที่ต่างๆ โดยหลังลิงค์จะมีคำว่า ?src= ตามด้วยชื่อของเว็บ เมื่อมีคนคลิกที่ลิงค์ ทางเว็บก็จะเข้าใจว่า คลิกมาจากลิงค์ที่เราไปแปะไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อมีรายการซื้อ จากผู้คลิก หรือ มีสมาชิกสมัครเป็นช่างภาพ เราก็จะได้เปอร์เซ็นต์ จากการซื้อขายนั้นๆ โดยรายได้ที่ได้ต่างหากจากการซื้อขายปกติ ผู้ซื้อผู้ขายไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มเติม

12.   Owned  Media   เป็น สื่อที่ผู้ประกอบการเองเป็นเจ้าของ ได้แก่ เว็บไซต์ บล็อก ซึ่งเป็นสื่อที่สร้างขึ้นมาเอง 

13.  Paid  Media   เป็นสื่อที่เราต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อ เช่น แบรนดเนอ สปอนเซอร์ ชิฟ 

14.  Earned  Media   เป็นสื่อที่ลูกค้า ผู้บริโภคทั่วไปเป็นเจ้าของ เช่น เฟชบุ๊ค ทวิชเตอร์ เป็นการแบ่งปันข้อมูลพูดคุยระหว่างกัน 
15.  service marketing   การตลาดบริการ การสนองตอบความต้องการของลูกค้า มักจะคำนึงถึงการบริการควบคู่ไปกับการขาย สินค้าบริการเป็นการกระทำที่เป็นขั้นตอนและแสดงเป็นผลงานออกมาจากผู้ให้บริการส่งให้กับลูกค้า หรือสินค้าบริการเป็นการแลกเปลี่ยนกัน

16.  Strategy Development   เป็นการวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในองค์กรด้วยเครื่องต่าง ๆที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับการกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์

17.  Awareness   องค์ความรู้ และทัศนคติของสมาชิกทุกคนในองค์กรที่พึงมี เกี่ยวกับการป้องกันรักษาทรัพย์สินของบริษัทฯทั้งทางด้านกายภาพ
18.  Transparency – Open source   ปัจจุบันเป็นยุคที่ทุกอย่างเปิดกว้าง ความโปร่งใส จริงใจนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมมั่น เรื่องการให้เครดิตต่างๆ ของผู้มีส่วนช่วยก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแบรนสินค้าใหม่

19.  Collaboration Rules   การอาศัยความร่วมมือของผู้บริโภค 

20.  People use technologies to get thing that they need from each, other rather from corporations
ผู้บริโภคจะอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ ในการแสวงหาข้อมูล สินค้า เพื่อตัดสินใจซื้อสินค้า ซึ่งเขาจะข้อมูลจากการพูดเล่าของผู้บริโภคด้วยกันก่อนเสมอ ผู้บริโภคจะไม่เชื่อจากผู้ผลิตทั้งหมดก่อน เขาจะมองเห็นเป็นการโฆษณา ซึ่งเขาจะเชื่อจากผู้บริโภคที่คุยบอกกันเองมากกว่า

9 ความคิดเห็น:

  1. Social Media มีกี่ประเภท ?

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
    2. 4 ประเภทครับ
      1.Owner Media คือเป็นสื่อที่ผู้ประกอบการเป็นเจ้าของ เช่น เว็บไซต์ บล็อก ซึ่งพวกนี้เป็นสื่อที่เป็นของเราที่เราสร้างขึ้นเอง
      2. Paid Media คือเป็นสื่อที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น แบรนเนอร์ สปอนเซอร์ ชิป เป็นต้น
      3. Earned Media คือเป็นสื่อที่ลูกค้า หรือผู้บริโภคทั่วไปเป็นเจ้าของ เช่น เฟสบุ๊ค ทวิสเตอร์
      4. Social media คือเป็นการพูดคุยกับผู้บริโภค แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกับผู้บริโภคกับตลาด เพื่อให้ลูกค้าพูดถึงเราในแง่ดี
      Social media คือ การที่เราพูดปากต่อปาก เมื่อก่อนปากต่อปากอาจเป็นการคุยโทรศัพท์กัน แต่ในปัจจุบัน ปากต่อปาก เป็นไปได้เร็วขึ้นจากการเข้าเฟสบุ๊ค ทวิสเตอร์

      ลบ
  2. การทำตลาดออนไลน์ทำให้ให้ประสบความสำเร็จ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
    2. ความรู้เพิ่มเติมน่ะครับ
      Social Network คือ สังคมออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณหาเพื่อนบนโลกอินเตอร์เนทได้ง่ายๆ เราสามารถที่จะสร้างพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมา เพื่อแนะนำตัวเองได้ เช่น

      Hi5
      Friendster
      My Space
      Face Book
      Orkut
      Bebo
      Tagged
      เว็บ SNS (Social Network Site) เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเว็บที่สร้างขึ้นมาเพื่อการตอบสนองความต้องการในการติดต่อธุรกิจหรือหาเพื่อนบนโลกไซเบอร์ทั้งสิ้น

      Hi5 (www.hi5.com)
      Hi5.com เป็นเว็บไซต์ที่ให้ผู้ใช้บริการมาฝาก profile ของตัวเอง คล้ายๆกับ blog เนี่ยแหละ แต่ว่าคนไม่ค่อยไปเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวในนั้นซะเท่าไหร่ จะเน้นที่ตกแต่งหน้าตา profile เราให้สวยงาม ดึงดูดคนมาเข้า แต่จุดเด่นของมันอยู่ที่ ระบบ network ที่เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ หรือบังเอิญเจอเพื่อนเก่าสมัยมัธยมเมื่อหลายสิบปีก่อน หรือเพื่อนของเพื่อน กิ้กเก่า แฟนเก่า .. แต่อีกหลายคนก็สมัครไปงั้นๆไม่ได้อะไรมากเพราะได้รับอีเมลชวนมาเล่น hi5 จากเพื่อน ...

      Friendster (www.friendster.com)

      Friendster ได้ก้าวขึ้นมาสู่หัวแถวของ Social Network ในประมาณเดือนเมษายน ปี 2004 ก่อนจะถูกไล่แซงโดย My Space ในเรื่องของผู้เข้าชมและจากการจัดอันดับของ Nielsen//NetRatings Frienster ได้รับการยอมรับว่าเป็นคู่แข่งของทั้ง Windows Live Spaces, Yahoo! 360, และ Facebook ในเวลาต่อมาก็ยังมี Hi5 ก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งสำคัญอีกด้วย

      My Space (www.myspace.com)

      My Space คือ เว็บบล็อก ที่ทาง msn ให้ผู้ที่ใช้ msn ได้เข้าไปใช้บริการกัน ก็มีคำถามต่ออีกว่า เจ้า webblog คืออะไร สำหรับ เจ้า Web Blog ผมอยากให้เรานึกง่ายๆ ว่ามัน คล้าย ไดอะรี่ แต่ไม่ใช่นะครับ ย้ำ ว่า บล็อก ไม่ใช่ ไดอะรี่ โดยบล็อกจะมีความหลากหลายมากกว่า เพราะในบล็อก ผู้ที่เป็นเจ้าของเนื้อที่นั้น จะเป็นผู้ที่ดูแลเนื้อหา ว่า จะให้เป็นแนวไหน หรือว่าจะเป็นเนื้อเรื่องอะไร ส่วนหลายคนเอามาเป็น ไดอะรี่ นั้น ผิดไหม คงไม่ผิด คือมันแล้วแต่ว่า ผู้ดูแลจะเป็นอย่างไร

      Face Book (www.facebook.com)

      Mark Zuckerberg ก่อตั้ง Facebook เว็บชุมชนออนไลน์ (Social-Networking Site) ที่กำลังได้รับความนิยมสุดขีดในขณะนี้ เมื่อ 3 ปีก่อน ขณะยังเรียนอยู่ที่ Harvard ก่อนจะลาออกกลางคัน เจริญรอยตาม Bill Gates แห่ง Microsoft เพื่อเป็น CEO ของเว็บชุมชนออนไลน์ที่เขาก่อตั้งขึ้น ด้วยวัยเพียง 22 ปี

      ภายในเวลาเพียง 3 ปี เว็บที่เริ่มต้นจากการเป็นเว็บชุมชนออนไลน์สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย กลายเป็นเว็บที่มีผู้ใช้ที่ลงทะเบียน 19 ล้านคน ซึ่งรวมถึงข้าราชการในหน่วยงานรัฐบาล และพนักงานบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ เข้าเว็บนี้เป็นประจำทุกวัน และขณะนี้กลายเป็นเว็บที่มีผู้เข้าชมมากเป็นอันดับ 6 ในสหรัฐ 1% ของเวลาทั้งหมดที่ใช้บน Internet ถูกใช้ในเว็บ Facebook

      Orkut (www.orkut.com)

      เว็บไซต์หาเพื่อนสำหรับกลุ่มนักท่องเว็บขี้เหงานั้นครองความนิยมมายาวนาน จนเกิดเว็บไซต์ใหม่ขึ้นมามากมาย แม้เต่เจ้าพ่อเสิร์จเอนจินอย่างกูเกิล (Google) เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า ก้าวเท้าเดินตามรอยเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Friendster เพื่อเข้าสู่วงการ social networking ด้วยการเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาโดยให้ทีมวิศวกรของกูเกิลทำเป็นโปรเจคของตัวเอง กูเกิลใช้กลยุทธโปรเจคส่วนตัวนี้เพื่อสร้างเว็บไซต์ใหม่ๆขึ้นมาได้อย่างชาญฉลาด โดยเว็บไซต์นี้ใช้ชื่อว่า Orkut.com เพื่อใช้เป็นเว็บไซต์เชื่อมต่อระหว่างเพื่อนถึงเพื่อน ให้คุณสามารถสร้างความสนิทสนมได้บนความสะดวกสบาย

      Bebo (www.bebo.com)

      Bebo เป็นเครือข่ายทางสังคมแห่งยุคอนาคตที่ทำให้นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัยสามารถติดต่อกับเพื่อน หาเพื่อนที่ขาดการติดต่อกันไปนาน และพบปะกับผู้คนใหม่ๆ หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว ในเวลาแค่ 7 เดือน เครือข่ายทางสังคมแห่งนี้ก็มีสมาชิกจดทะเบียนมากกว่า 22 ล้านรายที่เข้ามาดูหน้าเว็บเพจถึงกว่า 700 ครั้งต่อเดือน Bebo เป็นบริษัทเอกชนที่บริหารงานโดยทีมบริหารที่มีประสบการณ์ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทได้เปิดตัวเว็บไซท์เครือ ข่ายสังคมลำดับแรกๆคือ Ringo.com ซึ่งต่อมาเขาได้ขายเว็บดังกล่าวให้แก่ Tickle (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Monster ในปัจจุบัน)

      ลบ
  3. เนื้อหาเยอะดีมาก อ่านแล้วเข้าใจง่าย แต่ตัวหนังสือเล็กไปหน่อยนะคะ

    ตอบลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ